แรงบันดาลใจในการผลิตเครื่อง

เคยป่วยเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น ช่วงคอ ตอน อายุ13 ปี เคยตกรถเมล์หัวด้านซ้าย กระแทกพื้น ตอนเกิดเหตุ มีหัวโน และคอเคล็ด ตกตอนรถใกล้จะจอด หลังจากนั้นจะปวดคอบ่อย เหมือนนอนตกหมอน เป็นๆ หายๆ อายุ32ปี ตอนนั้นเป็นพยาบาล อยู่รพ.พญาไท3 เริ่มปวดร้าวลง สะบัก ไหล่ คุณหมอบิดคอให้ แต่รู้สึกปวดมากขึ้น คุณหมอเลยให้ทำกายภาพ ดึงคอ 7วัน อาการดีขึ้น พอดีอยู่ห้องไตเทียม ต้องก้มๆเงยๆ ยกน้ำยาล้างไต บ้างยกคนไข้บ้าง ก็จะมีอาการมาเป็นระยะ ช่วงเป็นพยาบาล ทานกาแฟ มาตลอด กิน นอนไม่เป็นเวลา ปกติจะเป็นโรคกระเพาะ พอปวดคอ บ่า ไหล่ ต้องทานยา แก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ อาการปวดท้องมากขึ้น ทานเผ็ด เปรี้ยวไม่ได้เลย ถ้าทานจะปวดจุกท้องมาก จนต้องฉีดยาแก้ปวดท้อง และยาลดกรดเป็นประจำ ตอนอายุ36ปีได้ลาออกจากพยาบาล สามีให้ไปดูแลธุรกิจร้านอาหาร มินิมาร์ท ซึ่งหนักมากเหมือนกัน ปกติชอบปลูกต้นไม้ มีอยู่วันหนึ่ง ไปเลื่อนกระถางต้นไม้ มีเสียงดังกึ๊ก ที่คอ คืนนั้นปวดลงสะบัก ร้าวลงแขน ตื่นมามือซ้าย ชาทั้งมือ เริ่มปวดขึ้นหัว ชามุมปากข้างซ้าย หูอื้อ ตาซ้ายพร่า ปวดกระเพาะกรดไหลย้อน เริ่มท้องอืด อาหารไม่ย่อย ไปทำmri พบหมอนรองกระดูกคอเสื่อม กดทับเส้นประสาท ข้อ4-5และข้อ5-6 หมอบอกว่าเคลื่อนออกมา 50% ให้นอนตลอด ลุกเฉพาะเข้าห้องน้ำ กับทานข้าว ทำกายภาพ ดึงคอ อุลตราซซาวน์ กระตุ้นไฟฟ้า เช้า เย็น ทำ7วัน อาการโดยรวมดีขึ้น พอไปขับรถ หรือยกของ ก็กลับมาเป็นอีก ก็ต้องไปกายภาพอีก หลายรอบ จนแขนซ้าย เริ่มไม่ค่อยมีแรง หมอกระดูกแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อยึดน๊อตที่คอ 2ตัว ด้วยความกลัว เพราะเคยเห็นคนผ่าตัด บางคนดี บางคนอาจจะกลับมาเป็นอีก ต้องผ่าใหม่ และมีความเสี่ยงอื่นๆ อีก จึงไป ฝังเข็ม จัดกระดูก ประมาณ5-6 ครั้ง แต่ก่อนจัดกับหมอจีน เค้าจะเอานิ้วดัน ตรงกระดูกสันหลังซึ่งเจ็บมาก ทนไม่ไหว ก็ลองไป นวด ตอกเส้น ใครแนะนำตรงไหนดี ก็ไปหมด พอดี สามีก็ปวดช่วงเอวลงขา ตอนอายุ 18ปี เคยขี่มอเตอร์ไซด์ส่งแกส รถล้ม ก้นกระแทกพื้น ตอนอายุ 35ปี เคยปวดจนเดินไม่ได้ต้องไปกายภาพ จนกลับมาเดินได้ แต่ก็จะปวด เป็นๆหายๆ เรากับสามีเป็นพร้อมกัน ผ่านไป1ปี ต้องเสียค่ารักษาเยอะมาก เคยมีความคิด กับแฟนว่าอยากได้อะไรก็ได้มายืดตัวที่บ้าน จะได้ประหยัด ค่ารักษา และได้ทำทุกวันน่าจะดีขึ้น เรากับ สามี กระดูกเป็นตัวs ทั้งคู่ คือเดินหลังงอ พุงยื่น ซึ่งนักกายภาพเคยบอก ว่าดูแลตัวเองดีๆ เพราะกระดูกจะเสื่อมเร็ว บังเอิญไปเจอคนแนะนำ ให้ใช้เครื่องยืดหลังของต่างประเทศ ลองใช้ แล้วรู้สึกโล่งๆดี แต่ราคาสูงมาก สามีเป็นวิศวกร ออกแบบและผลิต ลองมาใช้ที่บ้าน ผ่านไป1ปีรู้สึกดีขึ้น มีเพื่อนที่อยู้ห้องผ่าตัด ปวดหลัง ปวดคอ มาเจอเครื่องเลยให้สามีทำให้ จากนั้นก็บอกต่อๆกันมามีหลายคนๆที่ดีขึ้น แต่ก่อนเคยปวดมากจนนอนไม่หลับ หมอให้ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ถ้าทานพร้อมยาคลายกล้ามเนื้อ จะรู้สึกกล้ามเนื้อไม่มีแรง ง่วงซึมตลอดวัน เวียนหัว ก้มๆ เงยๆหน้ามืด เคยวูป ในห้องน้ำ จนคิ้วแตก มีพี่พยาบาลเคยแนะนำให้ทานคลอโรฟิวส์วันนั้นปวดแน่นท้องมาก กรดแกสเยอะมาก พอทานคลอโรฟิวส์ 1ซอง ผสมน้ำ1แก้ว สักพัก เรอและผายลมเยอะมาก จากนั้นอาการปวดท้องดีขึ้นไม่ต้องฉีดยา ก็เลยทานมาเรื่อยๆ พอเจอคนที่เป็นแบบเรา แนะนำไปเค้าก็ดีขึ้น เราเริ่มมาดูแลตัวเอง ได้เกือบ10ปี ไม่ต้องไปกายภาพ ใช้เครื่องยืดหลัง เช้า เย็น ทานคลอโรฟิวส์ ครึ่งซองก่อนอาหาร เช้า เย็น จากที่เคยเลือดจาง ความดันต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ กลับมาเป็นปกติ นอนหลับได้ ทานเผ็ดเปรี้ยวได้ ไม่ปวดท้อง ไม่หน้ามืด อาการปวด ชา มือ ดีขึ้น บางทีก็มีปวดเมื่อยบ้าง พอใช้เครื่องก็เบาขึ้น สามีก็ดีขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ ถ้าไม่เจอเครื่องตัวนี้ คงต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นจำนวนมหาศาล การเสื่อมของหมอนรองกระดูก เป็นโรคที่ไม่หายขาด เราต้องดูแลตัวเองไปตลอดชีวิต จึงมีแรงบันดาลใจว่า ถ้าเครื่องยืดหลัง ทำให้คนที่ป่วยแบบเราดีขึ้น ไม่เจ็บป่วย ทรมาน มีสุขภาพองค์รวมดีขึ้น คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการดูแลตนเอง ที่ง่าย สะดวก ปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่าย ในระยะยาว และใช้ได้ทั้งครอบครัว